ในช่วงบ่าย ที่แสงแดดภายนอกร้อนแรงราวกับยืนอยู่บนดวงอาทิตย์
เราจึงมุ่งหน้าไปหลบร้อนยังร้าน Tiny Tree
รับรองว่าใครที่ชื่นชอบธรรมชาติต้องมีความสุขกับการมานั่งชิลล์ที่ร้านจนลืมความร้อนนอกร้านไปแน่ๆ
ภายในซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Tiny Tree ทำให้เราได้รู้จักกับโลกใบเล็กสีเขียวของ
คุณน้ำค้าง-ณัฐจรินทร์ พฤกษถานนท์กุล โลกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคาเฟ่เล็กๆแห่งนี้
เมื่อได้พูดคุยกับคุณน้ำค้างเราก็พบว่า จุดเริ่มต้นของTiny Tree เกิดจากโปรเจกต์สมัยที่เธอเรียนในมหาวิทยาลัย ใครจะคิดว่า
โปรเจกต์ในวันนั้น จะเป็นที่มาของร้านเล็กๆในวันนี้
และเมื่อถามถึงที่มาของร้าน Tiny Tree คุณน้ำค้างยิ้มกว้างแล้วบอกกับเราว่า ” จุดเริ่มต้นของ Tiny Tree เริ่มจากขายออนไลน์มาก่อน ตามมาด้วยการมี Pop Up Store จากนั้นก็ไปฝากขายตามห้าง หลังจากนั้นก็ได้กระแสตอบรับที่ดี กลุ่มลูกค้าโตขึ้น ก็เริ่มมองหา Space ของตัวเองที่สามารถบริหารจัดการได้ เป็นพื้นที่ให้ลูกค้ามาพบปะ ทำกิจกรรมได้ง่ายขึ้น จึงตัดสินใจมาเปิดหน้าร้านตรงซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งก็ทำมาได้ปีกว่าๆ “
ในเมื่อมาถึงร้านTiny Tree ซึ่งมีบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างนี้แล้ว
เราเลือกที่จะสั่งเมนูที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นอย่าง เค้กส้ม
ทานคู่กับ Lime Red Soda ก็ช่วยเพิ่มพลังสองต่อกันไปเลย
Little Sunshine & Tiny Tree : สองคาเฟ่น่ารักของคนมีฝัน
จะเป็นอย่างไรถ้าเริ่มทำธุรกิจ
โดยมีเพียงความฝันเป็นต้นทุน…
ใน Content นี้เราจึงอยากจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกับหญิงสาวสองคนกับ
คาเฟ่เล็กๆที่มีเพียงความฝันเป็นต้นทุน อย่างคุณป๋วย – อัจจิมา ศรีปรัชญาอนันต์ เจ้าของร้าน Little Sunshine
และคุณน้ำค้าง-ณัฐจรินทร์ พฤกษถานนท์กุล เจ้าของร้าน Tiny Tree
มาดูกันว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆมีวิธีจัดการกับความฝันของตัวเองอย่างไร
แสงอ่อนๆยามเช้าในย่านถนนวิทยุ ทำให้เราได้พบกับคาเฟ่เล็กๆ น้องใหม่ ที่ตั้งอยู่ใต้อพาร์ตเม้นต์สุทธวงษ์เพลส
บริเวณเดียวกับสถานเอกอัครราชฑูตอุสเบกิสถาน ในถนนวิทยุซอย 1
การเดินทางนั้นบอกเลยว่าง่ายมาก เพียงแค่นั่ง BTS มาลงที่สถานีเพลินจิต เดินอีกประมาน 5 นาทีก็ถึงร้านแล้ว
ร้านแห่งนี้เกิดขึ้นจากความรักในการทำอาหารของคุณป๋วย – อัจจิมา ศรีปรัชญาอนันต์ แม้ร้านจะเปิดตัวได้เพียงไม่กี่เดือน
แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องรสชาตินั้น ประมาทกันไม่ได้!!
เพราะคุณป๋วยเคยเป็นนักโภชนาการจากอเมริกาและจบคอร์สทำขนมจาก Le Cordon Bleu Dusit
ทั้งยังมี คุณเป้ พลวุฒิ อนุศาสน์อมรกุล คอยเป็นลูกมืออีกแรงและเมื่อถามถึงที่มาขอชื่อ Little Sunshine คุณป๋วยก็บอกกับเราว่า
” เธอเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันสดใส แสงอ่อนๆยามเช้านี่แหละ เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว 🙂 “
การตกแต่งของร้านเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นส่วนใหญ่ จึงให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง ทั้งยังมีการทาสีขาวไว้ทั่วร้าน
ช่วยให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งสบาย ด้านในมีโต๊ะให้เลือกนั่งได้หลายรูปแบบตามชอบใจ
ไม่ว่าจะเป็นมุมโต๊ะบาร์ตัวสูง ที่เหมาะกับคนที่มานั่งเล่นชิวๆคนเดียว
หรือจะเป็นโต๊ะกลางของร้านที่เหมาะจะชวนเพื่อนมานั่งเมาส์มอยกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
คุณป๋วยบอกกับเราว่า
” มาทานอาหารที่นี่ก็อยากให้ความรู้สึกเหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อนนะ “
ส่วนมากแล้ว Target ของที่นี่จะแตกต่างกันตามวัน อย่างในวันธรรมดา ลูกค้าหลักที่มักจะเป็นเหล่าพนักงาน
ออฟฟิศ ที่มันจะหิ้วท้องมาฝากไว้มื้อกลางวัน แต่ถ้าอย่างเป็นวันเสาร์ โดยมากก็จะเป็นชาวต่างชาติ
ที่แวะเวียนเข้ามาในร้านให้เห็นกันตลอดนั่นเอง
เมื่อได้นั่งพูดคุยกับคุณป๋วยถึงแรงบันดาลใจในการทำร้านนี้ คุณป๋วยถึงกับมีสีหน้าที่จริงจังและตอบออกมาด้วยความมั่นใจว่า
“ ร้านนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากทำก่อนตาย!! ”
พอเราได้ฟัง ก็มีความรู้สึกถึงความมุ่งมั่นในการทำอะไรแบบจริงจังและตั้งใจ
ไม่แปลกเลยที่เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจที่ประกอบอยู่ในอาหารทุกจาน
การปรุงอาหารของร้านนี้ จะไม่ใส่ผงชูรส ทั้งยังใช้น้ำมันรำข้าว และน้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร
จึงมั่นใจได้ว่าทุกเมนูผ่านการคัดสรรวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค โดยส่วนมากแล้วอาหารของทางร้านจะเป็น
สไตล์ฟิวชั่นที่มีกลิ่นไอของความเป็นญี่ปุ่น เมนูที่ใครมา ก็ควรสั่งมาลิ้มลองสักครั้ง
คือข้าวผัดแจ่วปลาแซลมอนย่าง หรือจะเป็น พาสต้าไข่สามอย่างรสเผ็ด ก็น่าสนใจไม่น้อย
Nutella S’mores Cookie Cup (95 บาท )
Cocoa (90 บาท )
ในวันนี้เราก็อยากจะแนะนำเมนูขนมหวานเพื่อเพิ่มความสดชื่นสักหน่อย เริ่มกันที่ Nutella S’mores Cookie Cup เสริฟ์คู่กับไอศกรีม
ช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี หรือถ้ายังหวานไม่จุใจไม่พอ เราขอแนะนำเครื่องดื่มเย็นๆอย่าง Cocoa เย็นๆสักแก้วก็แสนจะเข้ากัน
Little Sunshine ( 110 บาท )
แต่ถ้าไม่ชอบทานอะไรที่หวานจัดๆแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำเมนูนี้เลย Little Sunshine รับรองชื่นใจสุดๆ
ในหน้าร้อนอย่างนี้ ถ้าใครยังหาที่ไปหลบร้อนไม่ได้ เราว่าร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่า
การเดินทางก็สะดวก มีทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม แถมด้วย Free Wifi บอกแล้วว่าคุ้มสุดๆ ^^
……………………………………
ในช่วงบ่าย ที่แสงแดดภายนอกร้อนแรงราวกับยืนอยู่บนดวงอาทิตย์
เราจึงมุ่งหน้าไปหลบร้อนยังร้าน Tiny Tree
รับรองว่าใครที่ชื่นชอบธรรมชาติต้องมีความสุขกับการมานั่งชิลล์ที่ร้านจนลืมความร้อนนอกร้านไปแน่ๆ
ภายในซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Tiny Tree ทำให้เราได้รู้จักกับโลกใบเล็กสีเขียวของ
คุณน้ำค้าง-ณัฐจรินทร์ พฤกษถานนท์กุล โลกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคาเฟ่เล็กๆแห่งนี้
เมื่อได้พูดคุยกับคุณน้ำค้างเราก็พบว่า จุดเริ่มต้นของTiny Tree เกิดจากโปรเจกต์สมัยที่เธอเรียนในมหาวิทยาลัย ใครจะคิดว่า
โปรเจกต์ในวันนั้น จะเป็นที่มาของร้านเล็กๆในวันนี้
และเมื่อถามถึงที่มาของร้าน Tiny Tree คุณน้ำค้างยิ้มกว้างแล้วบอกกับเราว่า
” จุดเริ่มต้นของ Tiny Tree เริ่มจากขายออนไลน์มาก่อน ตามมาด้วยการมี Pop Up Store จากนั้นก็ไปฝากขายตามห้าง
หลังจากนั้นก็ได้กระแสตอบรับที่ดี กลุ่มลูกค้าโตขึ้น ก็เริ่มมองหา Space ของตัวเองที่สามารถบริหารจัดการได้
เป็นพื้นที่ให้ลูกค้ามาพบปะ ทำกิจกรรมได้ง่ายขึ้น จึงตัดสินใจมาเปิดหน้าร้านตรงซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งก็ทำมาได้ปีกว่าๆ “
ภายในร้านเน้นการใช้สีเหลือง – น้ำตาลเป็นโทนสีหลัก และเมื่อถามถึงธีมการตกแต่งร้าน
คุณน้ำค้างได้บอกเราว่า “ด้วยความที่ตัวแบรนด์ค่อนข้างมีคาร์แรกเตอร์ที่ชัดอยู่แล้ว จึงใช้โทนสีน้ำตาลออกสีเขียว
โดยร้านนี้เป็นร้านที่ทำกันเอง ทำเฟอร์นิเจอร์เอง ไปหาผู้รับเหมามารีโนเวท ลองผิดลองถูกกันเอง
มีจุดเด่นที่กำแพงร้าน ที่มีสีคล้ายๆฟางข้าว คุมโทนเป็นสีน้ำตาล – เหลืองแซมด้วยสีเขียว
กึ่งๆญี่ปุ่นหน่อยๆ เพดานโหลดเตี้ย การแต่งเป็นสีสว่างเลยทำให้ไม่อึดอัด “
โดยมากแล้ว Target ของที่นี่จะแตกต่างกันตามวัน อย่างในวันธรรมดาจะเป็นกลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่นที่มานั่งคุยเล่นกัน
แต่อย่างวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะเป็นกลุ่มที่มาทำ workshop
Orange Cake ( 95 บาท )
ในเมื่อมาถึงร้านTiny Tree ซึ่งมีบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างนี้แล้ว
เราเลือกที่จะสั่งเมนูที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นอย่าง เค้กส้ม
ทานคู่กับ Lime Red Soda ก็ช่วยเพิ่มพลังสองต่อกันไปเลย
Lime Red Soda ( 65 บาท )
แต่คิดอีกที ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ได้ลอง Ice Chocolate ที่เค้าว่ารสชาติเข้มข้นคงเสียดายแย่เลย
เลยขอจัดสักแก้วดีกว่า ^^
Iced Chocolate ( 85 บาท )
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมีร้านเล็กๆ หรือมีร้านที่ใหญ่โต
มันคงไม่สำคัญเท่ากับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่พร้อมที่จะก้าวไปตามความฝัน
และเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าของร้านทั้งสอง ก็พบสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ
มีใจรักในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างสุดหัวใจและพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อสิ่งๆนั้น
อาจจะมีน้อยคน ที่พร้อมจะทุ่มทั้งชีวิตเพื่อสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ถึงจะมีน้อย
แต่เราก็เชื่อว่าผู้หญิงทั้งสองคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ว่ามานั่นแหละ
Related Posts
สุดสัปดาห์พาชิลล์กับ 3 คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น
3 ร้านคาเฟ่น่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่น
ที่จะทำให้คุณมีความสุข จนลืมเวลาเลยทีเดียว
เที่ยวชิลล์ๆที่ ฟุกุโอกะ ณ เกาะคิวชู
ถึงแล้วเกาะคิวชู….
ใครที่กำลังมองหาเมืองน่ารักๆและเปี่ยมล้นไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามขอบอกเลยค่ะว่าเรื่องมาที่เกาะคิวชูนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว
My Travel x ทริปปล่อยเบลอกับเธอที่เวียดนาม
จะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่ยอมไปเที่ยวกับคนแปลกหน้า ที่รู้จักกันผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว ?
แต่เธอคือผู้หญิงคนนั้น !!
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์โดราเอม่อน “Fujiko F. Fujio museum” เมืองคาวาซากิ
มาย้อนวัย ปลุกความเป็นเด็ก ในบรรยากาศที่แสนจะเพลิดเพลินใกล้ๆโตเกียว ที่ “Fujiko·F·Fujio Museum” หรือ พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน กัน
Tips : บันทึกการท่องเที่ยวให้สนุก ด้วยสมุด ‘My Travel’
แนะนำวิธีการจดบันทึกทริปสุดแสนประทับใจขลงในสมุด My Travel และนำเสนอไอเดียในการบันทึกเรื่องราวน่ารักๆจากสิ่งที่พบเจอในระหว่างท่องเที่ยวค่ะ
My Travel x ทริปไทเป..ที่โดนเทตั้งแต่เริ่ม!!
จะเป็นอย่างไร…เมื่อผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งรู้ว่า
ต้องเดินทางไปต่างประเทศคนเดียว
ก่อนเครื่องออกไม่กี่ชั่วโมง !?
[ รีวิว สมุด My Travel ]” M y T r a v e l ” i n O S A K A เที่ยวไป…เขียนไป เปลี่ยนทริปธรรมดาๆให้น่าจดจำ
ญี่ปุ่น ประเทศยอดฮิตที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน แต่ญี่ปุ่นครั้งนี้ของเราไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เพราะเราจะไปเที่ยวกับสมุด “My Travel” สมุดที่ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่รู้ใจคนนึงเลยก็ว่าได้ วันนี้จึงอยากจะแนะนำเพื่อนของเราให้ทุกคนได้รู้จัก…