แค่ใบ้ง่ายๆว่า “แมวอ้วนกลม ไม่มีหู ตัวสีฟ้า” ไม่บอกบอกชื่อ แต่เพื่อนๆทุกคนต้องตอบได้เป็นเสียงเดียวกันแน่ๆว่า “โดราเอม่อน”!! มีโอกาสมาญี่ปุ่นครั้งนี้ เลยต้องแวะมาให้ได้ คือที่นี่เลย “Fujiko·F·Fujio Museum” หรือที่คนไทยเรียกกันง่ายๆว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน ซึ่งเป็นที่รวบรวมผลงาน ของ อาจารย์ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ ผู้ให้กำเนิดการ์ตูน โดราเอม่อน อันโด่งดังนั่นเอง ( เขียนร่วมกับ อาจารย์ โมโตโอะ อะบิโคะ ซึ่งภายหลังแยกไปเขียนผลงานของตัวเอง เรื่องที่โด่งดังเช่น นินจาฮาโตริ) วิธีการจอง : ต้องจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าก่อนนะคะ โดยสามารถสั่งจองตั๋วได้ที่ตู้ Loppi ในร้าน Lawson (ถ้ากดเองไม่เป็น ก็ขอความช่วยเหลือจากพนักงานในร้านได้นะคะ 🙂 ) ราคา ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 12-18 ปี 700 เยน, เด็ก 5-11 ปี 500 เยน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 ถึง 18.00 น. (หยุดวันอังคาร) ถ้ามีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย ใครมีเพื่อนหรือญาติอยู่ที่นั่น ก็ฝากจองตั๋วไว้ก่อน ก็จะง่ายต่อการแพลนเที่ยว แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ แพลนไว้วันหลังๆของโปรแกรมเที่ยว แล้วมาถึงที่ญี่ปุ่นก็จองตั๋วไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย จะได้ไม่พลาด วิธีการเดินทาง : พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่เมือง คาวาซากิ ติดกับโตเกียว เดินทางใกล้ๆได้ง่ายๆ จากตัวเมือง Shinjuku นั่งรถไฟ JR สาย Odakyu มาลงที่สถานี Noborito ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 250 เยน แล้วก็มาต่อรถบัส ของพิพิธภัณฑ์ที่หน้าสถานี ใช้เวลาอีก 9 นาที (210เยน) ก็มาถึงที่พิพิธภัณฑ์เลยค่ะ บรรยากาศหน้าสถานี Noborito เห็นรถบัสคันสีฟ้านั่นไหม? เราจะนั่งคันนั้นไปกันค่ะ 😀 มาถึงแล้ววว เด็กๆกดกริ่งกันใหญ่ สนุกสนานกันทั้งขบวน ^_^ เห็นป้ายก็มั่นใจได้ว่าถึงแล้วแน่นอน 🙂 ใครพกร่มมา ก็มีที่ให้ฝากเอาไว้ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวหายเลยค่ะ ด้านหน้าอาคาร ตรงกำแพงก่ออิฐนี้ มีรายละเอียดเล็กๆซ่อนอยู่ เรียกว่าใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ ภายในส่วนจัดแสดง ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป จะเป็นการแสดงผลงานต้นฉบับของเรื่องโดราเอม่อน ทั้งภาพร่างลายเส้นดินสอ ภาพลายเส้นลงหมึกที่ใช้ตีพิมพ์ ภาพลงสี ที่ใช้เป็นภาพหน้าปกการ์ตูน ก็จะเห็นบรรยากาศการทำงานของอาจารย์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน รวมทั้งประวัติของอาจารย์ตั้งแต่เริ่มทำงาน และเรื่องครอบครัว ฟังจากที่ลูกๆของอาจารย์เล่าให้ฟังในวิดีโอแล้ว อาจารย์เป็นคนน่ารัก และรักครอบครัวมากๆเลย จบจากตรงนี้ ก็จะเข้าไปดูภาพยนตร์สั้น ที่ฉายเฉพาะในพิพิธภัณฑ์นี้เท่านั้น จบจากตรงนี้เชื่อว่าหลายคนจะร้องว้าวววว กันแน่นอนนน 😛 จากนั้นก็เข้าไปที่โซนที่หลายๆคนชื่นชอบ ก็คือโซนถ่ายรูปนั่นเอง บรรยากาศเหมือนป่าหลังโรงเรียนของโนบิตะเลย ว่าไหม? 😀 ฉากสนามเด็กเล่นกับท่อปูน ที่ทุกคนน่าจะจำได้เป็นอย่างดี คิวยาวเลย ไกลๆตรงนู้น เป็นประตูวิเศษ ไปได้ทุกที!! ม่อนเองคร้าบบบบบบ ^_^ ตอนเด็กๆ อยากให้สนามเด็กเล่นที่โรงเรียน มีท่อแบบนี้มากๆเลยยย อยากไปนั่งขี่ด้วยจังเลยยยย 😛 เดินเปลี่ยนมุมมาที่อื่นบ้าง ระหว่างทาง เจอสองหนุ่มจากเรื่องปาร์แมน จำได้ไหม นี่ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งของอาจารย์ “ผีน้อยคิวทาโร่” เจอแล้ว โดเรมี่ แอบมาอยู่บนดาดฟ้านั่นเอง บนดาดฟ้านี้ บรรยากาศดีมากเลย มองออกไปก็เป็นวิวของชุมชนด้านนอก มองเห็นท้องฟ้าได้กว้างๆ รู้สึกสบายดีจัง 🙂 เดินกลับเข้าในตัวอาคาร ก็มีอีกหลายมุมน่ารักๆ เปลี่ยนโลกเป็นอะไรก็ได้ตามใจฉัน …. มีใครจำตอนนี้ได้บ้างเอ่ย 😀 ปิดท้ายด้วยมุมของฝาก 😀 เก็บโบรชัวร์ และบันทึกความประทับใจ เอาไว้ในสมุด My Travel ^_^ นับว่าเป็นสถานที่ ที่ถือว่าคุ้มค่ากับการมาจริงๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากตัวเมืองที่แสนจะคึกคัก ออกมาที่ชานเมือง บรรยากาศสองข้างทาง ที่ไม่มีตึกสูง เป็นอีกทางเลือกที่อยากให้ลองมาสัมผัสกันดูค่ะ ปลุกความเป็นเด็กในตัวเอง ย้อนวัยแบบนี้ เพลิดเพลินมากเลยจริงๆ 😀 แผนที่สำหรับการเดินทาง FacebookFacebookXTwitterLINELine
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์โดราเอม่อน “Fujiko F. Fujio museum” เมืองคาวาซากิ
แค่ใบ้ง่ายๆว่า “แมวอ้วนกลม ไม่มีหู ตัวสีฟ้า” ไม่บอกบอกชื่อ แต่เพื่อนๆทุกคนต้องตอบได้เป็นเสียงเดียวกันแน่ๆว่า “โดราเอม่อน”!!
มีโอกาสมาญี่ปุ่นครั้งนี้ เลยต้องแวะมาให้ได้ คือที่นี่เลย “Fujiko·F·Fujio Museum” หรือที่คนไทยเรียกกันง่ายๆว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน
ซึ่งเป็นที่รวบรวมผลงาน ของ อาจารย์ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ ผู้ให้กำเนิดการ์ตูน โดราเอม่อน อันโด่งดังนั่นเอง ( เขียนร่วมกับ อาจารย์ โมโตโอะ อะบิโคะ ซึ่งภายหลังแยกไปเขียนผลงานของตัวเอง เรื่องที่โด่งดังเช่น นินจาฮาโตริ)
วิธีการจอง : ต้องจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าก่อนนะคะ โดยสามารถสั่งจองตั๋วได้ที่ตู้ Loppi ในร้าน Lawson (ถ้ากดเองไม่เป็น ก็ขอความช่วยเหลือจากพนักงานในร้านได้นะคะ 🙂 )
ราคา ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 12-18 ปี 700 เยน, เด็ก 5-11 ปี 500 เยน
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 ถึง 18.00 น. (หยุดวันอังคาร) ถ้ามีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย ใครมีเพื่อนหรือญาติอยู่ที่นั่น ก็ฝากจองตั๋วไว้ก่อน ก็จะง่ายต่อการแพลนเที่ยว แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ แพลนไว้วันหลังๆของโปรแกรมเที่ยว แล้วมาถึงที่ญี่ปุ่นก็จองตั๋วไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย จะได้ไม่พลาด
วิธีการเดินทาง : พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่เมือง คาวาซากิ ติดกับโตเกียว เดินทางใกล้ๆได้ง่ายๆ จากตัวเมือง Shinjuku นั่งรถไฟ JR สาย Odakyu มาลงที่สถานี Noborito ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 250 เยน แล้วก็มาต่อรถบัส ของพิพิธภัณฑ์ที่หน้าสถานี ใช้เวลาอีก 9 นาที (210เยน) ก็มาถึงที่พิพิธภัณฑ์เลยค่ะ
บรรยากาศหน้าสถานี Noborito เห็นรถบัสคันสีฟ้านั่นไหม? เราจะนั่งคันนั้นไปกันค่ะ 😀
มาถึงแล้ววว เด็กๆกดกริ่งกันใหญ่ สนุกสนานกันทั้งขบวน ^_^
เห็นป้ายก็มั่นใจได้ว่าถึงแล้วแน่นอน 🙂
ใครพกร่มมา ก็มีที่ให้ฝากเอาไว้ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวหายเลยค่ะ
ด้านหน้าอาคาร ตรงกำแพงก่ออิฐนี้ มีรายละเอียดเล็กๆซ่อนอยู่ เรียกว่าใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ
ภายในส่วนจัดแสดง ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป จะเป็นการแสดงผลงานต้นฉบับของเรื่องโดราเอม่อน ทั้งภาพร่างลายเส้นดินสอ ภาพลายเส้นลงหมึกที่ใช้ตีพิมพ์ ภาพลงสี ที่ใช้เป็นภาพหน้าปกการ์ตูน
ก็จะเห็นบรรยากาศการทำงานของอาจารย์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน รวมทั้งประวัติของอาจารย์ตั้งแต่เริ่มทำงาน และเรื่องครอบครัว ฟังจากที่ลูกๆของอาจารย์เล่าให้ฟังในวิดีโอแล้ว อาจารย์เป็นคนน่ารัก และรักครอบครัวมากๆเลย
จบจากตรงนี้ ก็จะเข้าไปดูภาพยนตร์สั้น ที่ฉายเฉพาะในพิพิธภัณฑ์นี้เท่านั้น จบจากตรงนี้เชื่อว่าหลายคนจะร้องว้าวววว กันแน่นอนนน 😛
จากนั้นก็เข้าไปที่โซนที่หลายๆคนชื่นชอบ ก็คือโซนถ่ายรูปนั่นเอง
บรรยากาศเหมือนป่าหลังโรงเรียนของโนบิตะเลย ว่าไหม? 😀
ฉากสนามเด็กเล่นกับท่อปูน ที่ทุกคนน่าจะจำได้เป็นอย่างดี คิวยาวเลย
ไกลๆตรงนู้น เป็นประตูวิเศษ ไปได้ทุกที!!
ม่อนเองคร้าบบบบบบ ^_^
ตอนเด็กๆ อยากให้สนามเด็กเล่นที่โรงเรียน มีท่อแบบนี้มากๆเลยยย
อยากไปนั่งขี่ด้วยจังเลยยยย 😛
เดินเปลี่ยนมุมมาที่อื่นบ้าง
ระหว่างทาง เจอสองหนุ่มจากเรื่องปาร์แมน
จำได้ไหม นี่ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งของอาจารย์ “ผีน้อยคิวทาโร่”
เจอแล้ว โดเรมี่ แอบมาอยู่บนดาดฟ้านั่นเอง
บนดาดฟ้านี้ บรรยากาศดีมากเลย
มองออกไปก็เป็นวิวของชุมชนด้านนอก มองเห็นท้องฟ้าได้กว้างๆ รู้สึกสบายดีจัง 🙂
เดินกลับเข้าในตัวอาคาร ก็มีอีกหลายมุมน่ารักๆ
เปลี่ยนโลกเป็นอะไรก็ได้ตามใจฉัน …. มีใครจำตอนนี้ได้บ้างเอ่ย 😀
ปิดท้ายด้วยมุมของฝาก 😀
เก็บโบรชัวร์ และบันทึกความประทับใจ เอาไว้ในสมุด My Travel ^_^
นับว่าเป็นสถานที่ ที่ถือว่าคุ้มค่ากับการมาจริงๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากตัวเมืองที่แสนจะคึกคัก ออกมาที่ชานเมือง บรรยากาศสองข้างทาง ที่ไม่มีตึกสูง เป็นอีกทางเลือกที่อยากให้ลองมาสัมผัสกันดูค่ะ ปลุกความเป็นเด็กในตัวเอง ย้อนวัยแบบนี้ เพลิดเพลินมากเลยจริงๆ 😀
แผนที่สำหรับการเดินทาง
Related Posts
Tips : บันทึกการท่องเที่ยวให้สนุก ด้วยสมุด ‘My Travel’
แนะนำวิธีการจดบันทึกทริปสุดแสนประทับใจขลงในสมุด My Travel และนำเสนอไอเดียในการบันทึกเรื่องราวน่ารักๆจากสิ่งที่พบเจอในระหว่างท่องเที่ยวค่ะ
สุดสัปดาห์พาชิลล์กับ 3 คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น
3 ร้านคาเฟ่น่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่น
ที่จะทำให้คุณมีความสุข จนลืมเวลาเลยทีเดียว
Little Sunshine & Tiny Tree : สองคาเฟ่น่ารักของคนมีฝัน
เรื่องราวของสองหญิงสาวกับคาเฟ่เล็กๆที่มีเพียงความฝันเป็นต้นทุน
My Travel x ทริปปล่อยเบลอกับเธอที่เวียดนาม
จะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่ยอมไปเที่ยวกับคนแปลกหน้า ที่รู้จักกันผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว ?
แต่เธอคือผู้หญิงคนนั้น !!
My Travel x ทริปไทเป..ที่โดนเทตั้งแต่เริ่ม!!
จะเป็นอย่างไร…เมื่อผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งรู้ว่า
ต้องเดินทางไปต่างประเทศคนเดียว
ก่อนเครื่องออกไม่กี่ชั่วโมง !?
เที่ยวชิลล์ๆที่ ฟุกุโอกะ ณ เกาะคิวชู
ถึงแล้วเกาะคิวชู….
ใครที่กำลังมองหาเมืองน่ารักๆและเปี่ยมล้นไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามขอบอกเลยค่ะว่าเรื่องมาที่เกาะคิวชูนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว
[ รีวิว สมุด My Travel ]” M y T r a v e l ” i n O S A K A เที่ยวไป…เขียนไป เปลี่ยนทริปธรรมดาๆให้น่าจดจำ
ญี่ปุ่น ประเทศยอดฮิตที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน แต่ญี่ปุ่นครั้งนี้ของเราไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เพราะเราจะไปเที่ยวกับสมุด “My Travel” สมุดที่ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่รู้ใจคนนึงเลยก็ว่าได้ วันนี้จึงอยากจะแนะนำเพื่อนของเราให้ทุกคนได้รู้จัก…