[รีวิวเครื่องเขียน] ดินสอกดจากญี่ปุ่น เลือกใช้รุ่นไหนดี?

ด้วยความทีชื่นชอบเครื่องเขียนไม่ว่าจะเป็นสมุด ปากกา ดินสอ และอย่างอื่นอีกมากมาย ถ้าที่ไหนมีร้านขายเครื่องเขียน ร้านหนังสือเราก็จะอดเข้าไปสอดส่องสิ่งของไม่ได้ เห็นของใหม่ๆหรือน่าสนใจก็จะได้ติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้ง (^-^’) โดยเฉพาะเมื่อโอกาสได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น สาวกเครื่องเขียนก็จะทราบกันดีอยู่แล้วว่าที่นี่คือสวรรค์ย่อมๆของเราชัดๆ!

วันนี้เลยจะพามาดู ‘ดินสอกด’ ของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้งที่ไปจนกลายเป็นของสะสมกันค่าา (^0^)

มาเริ่มกันที่ 1. UNI Kuru Toga 0.5 mm

Kuru Toga 0.5 mm เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือ ‘เป็นดินสอที่ไส้จะแหลมอยู่ตลอดเวลา’ ปัญหาที่เราเจอะเจอบ่อยๆเวลาที่ใช้ดินสอก็คือ อาการไส้ดินสอทู่ หรือไส้ดินสอทู่ข้างนึง แหลมข้างนึงบ้าง ทำให้เราต้องคอยหมุนดินสอเป็นระยะเพื่อให้ไส้ดินสอแหลมเท่ากัน ทาง UNI เค้าเลยคิดค้นวิธีการแก้ปัญหานี้โดยการทำให้ไส้ดินสอสามารถหมุนเองได้ จะได้แหลมอยู่ตลอดเวลา โดยอาศัยจังหวะทุกๆครั้งที่เราออกแรงกดเขียนและยกมือ ระบบด้านในตัวดินสอก็จะคอยหมุนเจ้าไส้ดินสอให้เราเรื่อยๆ ว้าวมากๆ

มีทั้งลายตัวการ์ตูนน่ารักๆและลายธรรมดาสีสันสดใส

ตัวปลอกเป็นพลาสติกทั้งหมด

สังเกตตรงสีส้มๆจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นรุ่นที่ไส้ดินสอหมุนได้ค่ะ 😀

มีเส้นยางกันลื่นให้

สำหรับการใช้งาน ใช้กับไส้ดินสอขนาดมาตรฐาน 0.5 mm เขียนลื่น น้ำหนักกำลังพอดีไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ด้ามจับมีขนาดกลางๆพอดีมือเช่นกัน ดีสำหรับผู้เขียนที่ไม่ค่อยชอบดินสอกดด้ามเล็กค่ะ แต่โดยรวมแล้วจัดว่าดีมากๆค่ะ xD มีให้เลือกหลายลายเลยด้วย จริงๆที่ชอบรุ่นนี้ส่วนหนึ่งเพราะลายการ์ตูน ที่มีหลายแท่งเพราะแบบนี้ค่ะ ฮ่าๆ (แอบบอกนิดนึงว่าลายการ์ตูนจะราคาจะสูงกว่าลายปกติ แต่มันก็น่ารักกว่ากันนี่เนอะ^^)

2. UNI Kuru Toga Advance 0.5 mm

นอกจากรุ่น Kuru Toga 0.5 mm ธรรมดาแล้ว ยังมีรุ่นใหม่ Kuru Toga Advance 0.5 mm อัพเกรตออกมาอีกด้วย มีความแอดวานซ์ต่างจากรุ่นธรรมดายังไง เจ้าตัวนี้แอดวานซ์ตรงที่ความเร็วในการหมุนของไส้ดินสอเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า!! อีกทั้งเพิ่มปลอกตรงหัวปากกาเพื่อป้องกันไม่ให้หัวดินสอหักด้วยค่ะ(เก็บหัวดินสอได้นั่นเอง) รุ่นนี้แม้จะเป็นพลาสติกแต่ดีไซน์นั้นเรียบหรู ดูแพงมากๆ เหมาะสำหรับพกติดตัวไปในงานที่เป็นทางการค่ะ

เรียบหรูดีจริงๆ (*-*)

สำหรับการใช้งาน ด้ามจับขนาดเดียวกันกับรุ่นก่อน แต่น้ำหนักค่อนข้างหนัก เลยรู้สึกว่าไม่เหมาะกับผู้หญิงเท่าไรค่ะ และเวลาเขียนรู้สึกฝืดหน่อยๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไส้ดินสอหรือปากกา แต่โดยรวมก็ถือว่าดีค่า

3. Pentel Orenz 0.3 mm

ผอมเพรียว เรียวบาง เบา และพาสเทลมุ้งมิ้ง ไม่ได้ผอมเพรียวแค่รูปลักษณ์เท่านั้น เจ้า Pentel Orenz มีขนาดไส้ที่บางถึง 0.3 mm (ตอนนี้มีแบบ 0.2 mm ด้วยนะคะ บางมาก =[]=) ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ก็คือ ‘ระบบป้องกันไส้ดินสอหัก’ ปรับท่อเหล็กกับไส้ดินสอให้พอดีกันก่อนเขียน โดยขอบปลายของท่อเหล็กมีความโค้งมน รองรับการเขียนที่ไหลลื่น ทำให้ไม่เกิดการขูดเนื้อกระดาษ และไส้ดินสอยังสามารถออกมาเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยกดบ่อย กดแค่เพียงครั้งเดียวก็สามารถเขียนได้เรื่อยแบบไม่มีสะดุด! (ดูวิธีการใช้งานได้ที่: pentel-orenz)

การใช้งานก็เขียนง่าย ลื่นมือ น้ำหนักเบา แบบที่เค้าบอกมาจริงๆ เหมาะสำหรับงานร่าง งานออกแบบเป็นอย่างยิ่ง

เส้นบางขนาด 0.3 mm

นอกจากขนาด 0.3 mm แล้ว Pentel Orenz ยังมีขนาด 0.2, 0.5 และ 0.7 mm ให้สามารถเลือกใช้ได้ตามที่ต้องการ และยังมีลายการ์ตูนพิเศษที่สามารถหาซื้อได้เฉพาะร้านของตัวการ์ตูนนั้นๆ เช่น Disney, Sanrio อีกด้วยค่ะ

4. Zebra Delguard 0.5 mm

สำหรับแบรนด์ Zebra ต้องยกให้รุ่น Delguard แข็งแรง ทนทาน มาพร้อมกับนวัตรกรรม ‘ป้องกันไส้ดินสอหัก’ ซึ่งสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 5 กิโลกรัม! สำหรับใครที่ชอบความรุนแรง เอ้ย ชอบกดดินสอหนักๆ แต่ประสบปัญหาไส้ดินสอหักบ่อยๆ แนะนำให้ใช้รุ่นนี้เลยค่ะ เพราะทาง Zebra เค้าคิดวิธีแก้ปัญหานี้ให้กับทุกท่านแล้ว

เค้าบอกมาว่าเจ้ารุ่นนี้จะมีตัวสปริงและปลอกหัวไส้ดินสอที่เป็นกลไกสำหรับรองรับแรงกดทับ และทำให้ไส้ดินสอไม่หักง่ายๆ โดยเมื่อเราออกแรงเขียนหนังสือ ไม่ว่าจะเขียนเอียงซ้ายเอียงขวาปลอกหัวดินสอก็ยื่นจะออกมากันไม่ให้ไส้ดินสอหัก (กรณีกดไส้ดินสอออกมาเขียนแบบปกติ ถ้ากดออกมายาวๆก็หักเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ) แถมยังสามารถเขียนได้แม้สภาพพื้นผิวจะไม่เรียบ และด้วยความที่มีสปริงสำหรับรับแรงกดทับ เวลาเขียนกดแรงก็จะรู้สึกว่าดินสอยุบๆ เด้งๆนิดนึงค่ะ

มีลายการ์ตูนน่ารักสดใส 😀

ปลอกหัวไส้ดินสอและสปริงที่เป็นกลไกสำหรับรองรับแรงกดทับ และทำให้ไส้ดินสอไม่หักง่ายๆ

สำหรับการใช้งานเขียนลื่นดี ด้ามจับและรูปทรงคล้ายกันกับ UNI Kuru Toga แต่รู้สึกว่าน้ำหนักจะหนักว่านิดหน่อย โดยเฉพาะตรงหัวดินสอ  เหมาะกับคนไม่อยากออกแรงกดดินสอเยอะค่ะ เพราะเจ้าตัวนี้ออกแรงน้อยแต่เขียนออกมาแล้วได้ความคมชัดของเส้นแบบพอดีค่ะ สำหรับผู้เขียนเห็นว่ามีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่ที่กดไส้ดินสอแน่น และแข็งเกินไป เวลากดต้องออกแรงนิดนึงค่ะ 🙂

5. Pilot Mogulair 0.5 mm

สำหรับ Pilot ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ผู้เขียนชื่นชอบ ซึ่งไม่แน่ใจว่าชอบเพราะอะไร อาจจะเป็นด้วยความที่ดินสอกดคู่ใจแท่งแรกนั้นเป็นของแบรนด์นี้ก็ได้ค่ะ เลยรู้สึกว่าจะเทใจให้เยอะ Pilot เยอะมากๆ บางทีจะรู้สึกว่า อ๊ะ มันดีไปหมด ฮ่าๆๆ (แต่ของเค้าก็ดีจริงๆน้า^[]^)b)

มาเริ่มกันที่ Pilot Mogulair 0.5 mm ที่ว่ากันว่าออกมาแข่งกับ Zebra Delguard เนื่องจากคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันไส้ดินสอหัก และสามารถเขียนได้แม้สภาพพื้นผิวจะไม่เรียบ เพราะมีกลไกที่เป็นสปริงและปลอกหัวดินสอคอยช่วย แต่เพิ่มลูกเล่นที่ถือเป็นกิมมิกของ Pilot เข้าไปอีกอย่างคืออกจากระบบกดให้ไส้ดินสอออกมากแบบธรรมดาแล้วยัง ‘เขย่าไส้ดินสอออกมาได้!’ ด้วยปลอกสแตนเลสที่อยู่ด้านในจะช่วยกดให้ไส้ดินสอไหลออกมาเองค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบให้ดินสอมีเสียงกึกๆ ก็อาจจะไม่ชอบตรงจุดนี้ค่ะ

ในเรื่องของการใช้งานเขียนลื่นง่าย เวลาเขียนไม่ต้องออกแรงเยอะ เพราะมีน้ำหนักของปลอกสแตนเลสตรงหัวดินสอมาช่วย และทำให้ส่วนหัวค่อนข้างหนัก ด้ามไม่ใหญ่มากพอดีมือ ขนาดเท่ากันกับทั้ง Uni Kuru Toga และ Zebra Delguard ลองกดๆทดสอบดูแล้วไส้ดินสอก็ไม่หักจริงๆค่ะ 😀 แต่ตรงส่วนด้ามจับจะเป็นพลาสติกพื้นผิวเรียบไปเลย ไม่มียางหรือส่วนขรุขระกันลื่น ใครที่มีเหงื่อออกบริเวณมือมากๆ เขียนไปซักระยะแล้วดินสอกดอาจจะลื่นมือได้ค่ะ โดยรวมผู้เขียนชอบมากค่า xD

6. Pilot Dr. Grip Play Border 0.5 mm

ต่อกันด้วย Pilot Dr. Grip Play Border 0.5 mm แท่งใหญ่ สีสันสดใส ความพาสเทลก็มา หน้าตาอาจจะธรรมดาทั่วไป แต่ขอบอกเลยว่ารุ่นนี้เค้ามีความพิเศษอยู่เหมือนกัน เวลาเขียนหนังสือมากๆ อาจจะทำให้นิ้วมือของเราเจ็บหรือด้าน แต่ถ้าใช้รุ่นนี้เราสามารถลดปัญหานี้ได้ทันที เพราะเค้ามาพร้อมกับ ‘ด้ามนุ่มนิ่ม’ โดยที่ส่วนของด้ามจับนั้นจะมีตัวยางนุ่มๆ ที่สามารถลดอาการปวดเมื่อยเวลาใช้ดินสอ ปรับสมดุลของนิ้วมือ และกันลื่นได้ถึงสองชั้นด้วยกัน ทำให้มีความนุ่มกว่าปกตินั่นเอง และที่ขาดไม่ได้กับ Pilot เลยก็คือนอกจากระบบกดให้ไส้ดินสอออกมากแบบธรรมดาแล้วยังสามารถเขย่าให้ไส้ดินสอออกมาได้เช่นกันค่า 😀

รุ่นนี้เพิ่มลูกเล่นอีกอย่างนึงคือ บางทีเบื่อๆเราก็ถอดปลอกดินสอมาสลับเล่นแก้เซ็งได้ ส่วนการใช้งาน ใช้งานได้ดีตามปกติ แต่น้ำหนักค่อนข้างหนัก ตัวด้ามหนาและใหญ่ รู้สึกไม่ค่อยถนัดมือค่ะ และตัวด้ามไม่มีคลิปหนีบให้ จะเปลี่ยนเป็นรูที่สามารถร้อยเชือกเข้าไปได้แทน ได้เจ้าตัวนี้มาเพราะสีสวยค่ะ ชอบสีมากๆ น่ารักมุ้งมิ้ง (>_<)

7. Towbow Mono Graph 0.5 mm

สุดท้ายแล้วกับเจ้า Towbow Mono Graph 0.5 mm สำหรับแบรนด์นี้เราจะรู้กันดีว่าเค้าขึ้นชื่อในเรื่องยางลบ ลบดีจริงจนทุกคนต้องบอกต่อ แล้วดินสอกดจะดีด้วยรึเปล่ามาดูกันค่า~

ก่อนอื่นจะขอเรียกเจ้าดินสอตัวนี้ว่า ‘สุดหล่อ’ เพราะแรกเจอก็รู้สึกได้เลยว่า ‘เป็นดินสอที่หล่อเหลาเอามากๆ’ ด้วยดีไซน์ที่เท่ เรียบ และโทนสีเทา-ดำ เสริมให้ดินสอแท่งนี้ดูเก๋ เท่เหมาะกับใครที่มีสไตล์ทะมัดทะแมง เจ้า Towbow Mono Graph 0.5 mm มาพร้อมกับ ‘ระบบเขย่าไส้ดินสอ’ และถ้าต้องการกดแบบธรรมดาก็สามารถกดตรงคลิปหนีบได้

แถมยังมีระบบล็อคกันไส้ดินสอเลื่อนไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ดันตรงคลิปหนีบขึ้น ตรงส่วนยางลบด้านบนเป็นระบบหมุน คือหมุนตรงส่วนสีดำด้านบนแล้วยางลบจะออกมาให้เราใช้และหมุนเก็บได้ ซึ่งเป็นยางลบที่ดีมากและใช้ได้จริงตามมาตรฐานของ Towbow ค่ะ xD

ได้มาพร้อมกับเซตปากกายางลบที่เปลี่ยนไส้ได้ เหมาะเอาไว้ใช้กับงานเขียนแบบ เพราะปลายหัวแหลมเล็กทำให้เขียนง่าย ส่วนตัวคิดว่ารุ่นนี้น่าจะเหมาะกับคุณผู้ชาย เพราะดินสอหนา ใหญ่ และหนัก ปกติแล้วผู้เขียนชอบดินสอที่ค่อนข้างหนัก แต่รุ่นนี้รู้สึกว่าหนักไปสำหรับผู้หญิงค่ะ แถมตัวคลิปหนีบเป็นพลาสติกดูไม่ค่อยแข็งแรง กดบ่อยๆกลัวจะหัก แต่ในเรื่องดีไซน์ความเท่เอาคะแนนเต็มไปเลย >.<

การเลือกข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งเครื่องเขียนก็เป็นสไตล์ของแต่ละคนไป ผู้เขียนคิดว่าการเลือกให้เหมาะกับตัวเองนั้นสำคัญที่สุดค่ะ บางอย่างที่คนบอกดี อาจจะไม่เหมาะกับเรา หรือบอกว่าไม่ดี แต่เหมาะและดีสำหรับเรา ยังไงก็ไปกันได้ และบางอย่างก็ต้องใช้เวลาเลือกหรือลองไปดูเอง อย่างเครื่องเขียนก็เหมือนกัน ไม่ลองไม่รู้เนอะ ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวเครื่องเขียนในครั้งนี้ ยังไงวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่า^^

• Facebook
• Twitter
• Line